วิธีรักษาแผลเป็น แผลเป็นอุบัติเหตุ แผลเป็นศัลยกรรม แผลผ่าตัด

รักษาแผลเป็น

รักษารอยแผลเป็นจากสิว อุบัติเหตุ หรือการผ่าตัด

รักษาแผลเป็น ให้ผิวดูเนียนขึ้นได้ โดยไม่ต้องผ่าตัด

Treatments
Doctor
Appointment

รอยแผลเป็น ปัญหาผิวที่ไม่มีใคร…อยากให้เกิดขึ้น แต่ถ้าเป็นแล้ว ดูแลรักษาอย่างไรให้ผิวขึ้น? BSL รู้ว่าการมีรอยแผลเป็น ไม่ว่าจะเกิดจากสิว อุบัติเหตุ การผ่าตัด หรือการทำศัลยกรรม อาจทำให้หลายคนเสียความมั่นใจ ยิ่งถ้าเป็นแผลเป็นนูนคีลอยด์แดง หรือแผลเป็นหลุมลึก ที่ไม่สามารถจางไปเองได้ ก็ยิ่งเพิ่มความกังวลใจ

แม้รอยแผลเป็นจะไม่สามารถจางลงไปได้ 100% แต่การดูแลที่เหมาะสมสามารถช่วยให้รอยดูจางลง และให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น ซึ่งวิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับสีของรอยแผลเป็น ประเภทของแผลเป็น เพราะแผลเป็นแต่ละชนิดต้องการการดูแลรักษาที่แตกต่างกัน

ผิวที่โดนทำให้เกิดรอยแผลสด เมื่อแผลสดเริ่มแห้งและเริ่มหายดี แต่จะทิ้งรอยที่ทำให้ผิวหนังบริเวณที่เกิดแผลมีการเปลี่ยนไปจากเดิม อาจมีเป็นรอยนูนบนผิว ขนาดเล็กใหญ่ก็ตามรอยแผลที่เกิดขึ้น รอยแผลนี้ เป็นความผิดปกติของเนื้อเยื้อในระหว่างที่ผิวทำการซ่อมแซมตัวเองและกลายเป็นแผลเป็น

  1. เกิดจากคอลลาเจนใต้ผิวเรียงตัวกันผิดปกติ
  2. เกิดจากพังผืดใต้ผิวหนังดังรั้ง ทำให้ผิวด้านบนดูขรุขระ

แผลเป็น ยิ่งรักษาเร็ว ยิ่งได้ผลดี

มีงานวิจัยรองรับ การรักษาแผลเป็น ยิ่งรักษาเร็วยิ่งได้ผลดี โดยเฉพาะหลังจากแผลเป็นแห้งดีแล้วประมาณ 1 เดือน ก็สามารถเข้ารักษาได้ จะยิ่งทำให้ผลลัพธ์ของการรักษาดีขึ้น

Reference:
[PMC]. (2024). Effect of Laser and Energy-based Device Therapies to Minimize Surgical Scar Formation: A Systematic Review and Network Meta-analysis. Retrieved from https://pmc.ncbi.nlm.nih.gov/articles/PMC10789167/

 

ทำความรู้จัก แผลเป็น 3 ประเภท

1. แผลเป็นจากอุบัติเหตุทั่วไป

เกิดจากเนื้อเยื่อผิวหนังได้รับบาดเจ็บ จากการถูกกระแทก ของมีคม ถูกความร้อน หรือเย็นจัด หรือเกิดจากเหตุที่เราไม่คาดคิด นับเป็นแผลเป็นที่เกิดจากอุบัติเหตุ เกิดเป็นรอยแผลหดรั้ง ทำให้บริเวณแผลผิดรูปได้

รอยแผลเป็น

2. แผลเป็นจากการผ่าตัด

การศัลยกรรม การผ่าตัดทั่วไป รวมถึงผ่าคลอดบุตร มักจะทิ้งรอยแผลเป็นที่มีรอยคล้ำสีจางๆ เอาไว้หลังจากที่ตัดไหมไปแล้ว ถ้าเป็นรอยเล็กๆ ใช้เวลาไม่นานนัก รอยแผลก็จะเริ่มจาง ด้วยกลไลการซ่อมแซมของผิว แต่หากเป็นแผลใหญ่มีรอยเป็นปื้นที่ของแผลกว้าง กว่ารอยจะจางลงก็ต้องใช้เวลานาน แต่ก็ยังเห็นเป็นรอยอยู่

รอยแผลเป็น

3. แผลเป็นหลุมสิว

เกิดจากสิวอุดตันถูกเชื้อแบคทีเรีย (P.acne) มาทำการย่อยสิวที่ใต้ผิวหนัง ไม่สามารถออกมานอกผิวได้ ทำให้ใต้ผิวเกิดการอักเสบเป็นหนอง หนองปะทุทำให้คอลลาเจนบริเวณนั้นเกิดการทำลาย ผิวเกิดความเสียหาย แต่ร่างกายจะทำการ ซ่อมแซ่มผิวจนเป็นพังผืดขึงดึงรั้งบริเวณที่ผิวเกิดการอักเสบ และกลายเป็นหลุมสิว ยิ่งถ้าใครเป็นสิวอักเสบเยอะๆ ผิวก็จะยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดรอยแผลเป็นหลุมสิว ดังนั้นการรักษาสิวตั้งแต่ที่เป็นสิวอุดตันเล็กน้อย จะช่วยป้องกันผิวไม่ให้เกิดเป็นหลุมสิวที่ยากต่อการรักษา

เลเซอร์รอยแผลเป็น

4. แผลเป็นคีลอยด์ (นูน)

เกิดจากกระบวนการรักษาแผล มีการสร้างคอลลาเจนมากผิดปกติ ทำให้เนื้อเยื่อของแผลเป็นที่เกิดขึ้นกว้างขึ้น จนเกินขอบเขตของแผลเดิม ทำให้มีลักษณะนูนขึ้น มีสีเข้มกว่าสีผิวปกติ และอาจมีอาการคัน หรือเจ็บร่วมด้วย รอยแผลเป็นชนิดนี้จะไม่หายไปเองหรือยุบลงไปเองตามธรรมชาติ

รอยแผลเป็นคีลอยด์

น้องบอส – สนัญญ เป็นผู้ใช้บริการที่มีรอยแผลเป็นนูนบริเวณข้างแก้ม เป็นรอยแดงที่เห็นได้ชัด เกิดจากเป็นคนที่มีอาการผิวแพ้ง่าย มีสิวอุดตันขึ้นเยอะมาก และมีอาการอักเสบร่วมด้วยทำให้เกิดรอยแผลเป็นนูนคีลอยด์และอยากหา คลินิกรักษาแผลเป็น เพื่อให้ได้ความมั่นใจในการใช้ชีวิต

“ผมเป็นคนที่ผิวแพ้ง่าย สิวอุดตันขึ้นแบบรัวๆ เลย ขึ้นทีเป็นร้อยเม็ดเลยครับ พอเวลาขึ้นมาเยอะๆ ก็เกิดการอุดตันแล้วอักเสบ หลังจงากนั้นก็เป็นคีลอยด์ (Keloid) มากันเป็ชุดใหญ่จัดเต็มจริงๆ คุณหมออธิบายให้ฟังว่า แผลเป็นชนิดนี้จะมีลักษณะนูนเงาและขยายใหญ่กว่าแผลเป็นที่เกิดขึ้นช่วงแรกๆ จะเป็นสีแดงแล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีคล้ำหรือซีดลง บางคนอาจเกิดขึ้นทันทีที่แผลสดเริ่มจาง หรือหลังจากที่แผลดีไปได้สักพัก อาจใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี กว่าจะก่อตัวขึ้นมาอาจทำให้รู้สึกเจ็บ คัน ระคายเคืองและส่งผลกระทบถึงเรื่องความสวยความงาม เกิดได้ทุกส่วนของร่างกาย แต่ส่วนใหญ่มักขึ้นตามหน้า หน้าอก หัวไหล่ หลัง ลำคอ และติ่งหู ก่อนการรักษาบอกเลยว่าเวลาที่ไปข้างนอกก็ต้องคอยใช้คอนซีลเลอร์ปิดรอย ไม่อย่างนั้นคนจะชอบมาจ้องที่รอยแผลเป็น ทำให้เสียความมั่นใจไปเลยครับ อย่างเวลาที่ไปรับงานเดินแบบหรือถ่ายแบบ จะค่อนข้างมีปัญหาเรื่องเวลา เพราะต้องใช้เวลาในการแต่งหน้านานกว่าปกติ ปัญหาสิวและแผลเป็นนูนทำให้พลาดโอกาสการไปแคสงานหลายงานเลยครับ

“คุณหมอบอกว่า แผลเป็นคีลอยด์ (นูน) รักษาให้รอยยุบลงได้ แต่จะไม่สามารถรักษาให้รอยนั้นหายขาด ถ้าจะให้รักษาแบบได้ผิวกลับมาเหมือนเดิมไม่มีทาง พอฟังตอนแรกผมก็รู้สึกเฟลไปเหมือนกัน เพราะตั้งความหวังไว้ว่าต้องหายขาดนะ แต่พอคุณหมออธิบายให้ฟังเพิ่มเติม คือ คุนหมอเปรียบเทียบแบบให้เห็นภาพว่าเหมือนเวลาที่ไม้แตก ต่อให้เราทำให้กลับมาผสานเป็นเนื้อเดียวกัน แต่ผิวก็จะไม่เรียบเนียนเหมือนเดิม ผมเข้าใจเลยครับ (ยิ้ม) ทำให้เราเข้าใจในเรื่องของวิธีรักษาแผลเป็น และลดความคาดหวังกับผลการรักษา ผมก็ยอมรับในเรื่องของผลการรักษาตรงนี้ได้ครับ ทำให้พอใจกับการรักษาของ BSL Clinic มากเลยนะครับ ผลที่ได้คือ ผิวดูเรียบเนียนขึ้น รู้สึกผิวหน้าดีขึ้น รอยสิวลดลง รอยแผลเป็นยุบลงและจางลง ผิวกลับมาเนียนนุ่ม รู้สึกดีเวลาที่สัมผัสผิวหน้าตัวเอง”

ฉายแสงรักษาแผลเป็น

“หลังจากรักษาแผลเป็น ไปแล้ว บอกได้เลยครับว่าใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ได้ความสะดวกมากกว่าเดิม ดีกว่าเดิมเพราะไม่ต้องแต่งหน้านาน ทำให้ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นมาก ออกไปข้างนอกแค่ทาแป้งบางๆ แล้วก็ออกจากบ้านได้เลย ไปทำงานก็ไม่ต้องเสียเวลาให้พี่ๆ ช่างแต่งหน้าต้องมาคอยปกปิดรอย ประหยัดเวลาขึ้นเยอะเลยครับ ทำให้ใช้เวลาไปทำอย่างอื่นได้อีกหลายอย่างเลย  คือ ความกังวลก็ลดลงไป เรียกความมั่นใจกลับมาเลยครับ บอสคนเดิมที่เครียดๆ เป็นบอสคนใหม่ที่สดใสกว่าเดิมครับ”

วิธีการรักษารอยแผลเป็น

วิธีการรักษาของ BSL Clinic ที่ทำการรักษาให้กับ “คุณบอส สนัญญ” คุณหมอใช้วิธีการรักษาแผลเป็นอย่างผสมผสาน เป็นการใช้วิธีการรักษาทั้งเลเซอร์ที่เหมาะกับสีของรอยแผลเป็น ความนูน รวมถึงการฉีดยารักษารอยแผลเป็นนูนเพื่อลดการอักเสบ และ ทายาลดแผลเป็นนูน ใช้ร่วมกันเพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพ

เรียกได้ว่าลักษณะผิวของคุณบอสที่เป็นมาควรใช้การรักษาแผลเป็นแบบเป็นอย่างผสมผสานกันเลย ด้วยปัญหาผิวที่ค่อนข้างมีหลายปัญหา จึงควรใช้วิธีรักษาอย่างผสมผสานร่วมกัน เพื่อให้ผลการรักษาออกมาเป็นที่น่าประทับใจ และได้รอยยิ้มและความมั่นใจกลับไป

วิธีการรักษารอยแผลเป็น

1. เลเซอร์รักษารอยแผลเป็น เลเซอร์ที่ปล่อยพลังงานสร้างความร้อนเล็กๆ ใต้ผิว เป็นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนขึ้นมาใหม่ กระตุ้นการทำงานของผิว ช่วยสร้างผิวที่แข็งแรงขึ้น เป็นหนึ่งในวิธีการรักษาที่ช่วยให้รอยแผลเป็นดูเรียบเนียนขึ้น และเลเซอร์ยังทำหน้าที่ลดพังผืดที่ดึงรั้งผิวอยู่ที่ใต้ผิว จึงส่งผลให้ผิวด้านบนดูเรียบเนียนขึ้น ทำให้ชั้นผิวมีความแข็งแรง แสงเลเซอร์มีผลต่อเนื้อเยื่อรอบข้างน้อย โดยการรักษานี้แพทย์จะดูแลให้ปลอดภัย

2. โปรแกรมเกล็ดเลือดฟื้นฟูดูแลรอยแผลเป็น แนวทางการดูแลรอยแผลเป็น โดยใช้เลือดของผู้ใช้บริการ นำมาผ่านกระบวนการปั่นคัดแยกเพื่อนำเกล็ดเลือดเข้มข้นมาใช้ฟื้นฟูผิวที่เสื่อมสภาพ ทำให้ผิวกลับมาดูแข็งแรงขึ้น ช่วยกระตุ้นการทำงานของผิว ทำให้รอยแผลเป็นค่อยๆ ดูเรียบเนียนขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางการดูแลที่ช่วยเสริมให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้น 

วิธีการรักษารอยแผลเป็น

2. สารเติมเต็มรอยแผลเป็น (Filler Program) เป็นอีกหนึ่งวิธีในการฟื้นฟูหลุมแผลเป็น ที่ช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนขึ้น โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มแผลหลุมนี้ควบคู่กับการรักษาแผลเป็นด้วยเลเซอร์ จะช่วยเสริมประสิทธิภาพของการรักษาให้ดีขึ้น โดยจะทำการเพิ่มสารเติมเต็มเข้าไปก่อนเริ่มเลเซอร์ เพื่อให้เลเซอร์สามารถโฟกัสที่รอยหลุมได้แม่นยำขึ้น พร้อมช่วยเติมเต็มบริเวณใต้ผิวที่ยุบตัวให้ดูนูนเรียบเนียนขึ้น การใช้โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ในบริเวณที่มีพังผืดหลุมใต้ผิวสามารถช่วยป้องกันไม่ให้พังผืดกลับมาก่อตัว โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์สำหรับการดูแลหลุมสิว หรือแผลเป็นที่มีลักษณะหลุมผลอยู่ได้ประมาณ 6-8 เดือน ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล

รีวิวภาพผลการ รักษารอยแผลเป็น และแผลเป็นนูนคีลอยด์

สิ่งที่อยากแนะนำคือ เมื่อผิวเกิดเป็นแผลสด จากอุบัติเหตุหรือหลังจากอาการอักเสบดีขึ้นแล้ว ในช่วงแรกไม่ควรเกิน 1 เดือน แนะนำให้รีบเข้ามาปรึกษาคุณหมอ เพราะการเริ่มรักษาแผลเป็นเร็วจะช่วยให้ผลดีขึ้นกว่าการปล่อยทิ้งไว้นาน การรักษารอยแผลเป็นต้องใช้เวลาประมาณ 3 เดือนขึ้นไป แผลจะค่อย ๆ ดีขึ้น โดยเฉพาะแผลบางชนิดต้องอาศัยความเข้าใจและเวลาในการรักษา อย่าใจร้อน หากเป็นแผลเพียงเล็กน้อยมักจะใช้เวลาไม่นาน

นอกจากนี้คุณหมอแนะนำว่า แม้แผลเป็นอาจไม่เรียบเนียนได้ 100% แต่สามารถทำให้จางลงหรือยุบลงได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลักษณะของแผล ดังนั้นหากเกิดรอยแผลเป็นไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน ควรปรึกษาคุณหมอทันทีเพื่อไม่ให้รอยเล็กๆ กลายเป็นรอยใหญ่ การรักษารอยแผลเป็นมีหลายวิธี และผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของแผลนั้นๆ

icon email