เคยรู้สึกไหมว่า หน้าขึ้นผื่นง่าย คัน แดง เป็นขุย หรือบางครั้งใช้ครีมอะไรนิดหน่อยก็ระคายเคืองแล้ว นี่อาจเป็นสัญญาณของผิวที่กำลังอ่อนแอลง เมื่อเผชิญกับมลภาวะ ฝุ่นละออง หรือปัจจัยอื่นๆ ก็ยิ่งเกิดการระคายเคืองและอักเสบได้ง่าย ภาวะนี้เรียกว่า “ผิวแพ้ง่าย” ที่ต้องการการดูแลรักษาอย่างใส่ใจตามสาเหตุของการเกิดอาการ มาดูกันว่าเราจะดูแลผิวแพ้ง่ายได้อย่างไรบ้าง เพื่อให้ผิวกลับมาแข็งแรงและสุขภาพดีขึ้น
ผิวแพ้ง่าย หรือ โรครังแคผิวหนัง
ผิวที่แพ้ง่าย มีอยู่หลายชนิดด้วยกัน อาทิ โรครังแคผิวหนัง หรือ โรคหน้าแดง มักเกิดจากมลภาวะรอบตัวเราเป็นปัญหาหลักที่ทำให้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองมักจะเจอกับปัญหานี้ เป็นสาเหตุที่นำไปสู่การเป็น โรครังแคผิวหนัง ทำให้สภาพผิวมีความแห้ง เกิดการระคายเคืองและคันได้ง่าย
สำหรับคนที่มีปัญหาผิวบอบบางและแพ้ง่าย หลายคนอาจเลือกเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน หลีกเลี่ยงการเผชิญกับแสงแดด ฝุ่นละออง หรือเหงื่อ เพราะกลัวว่าจะทำให้ผิวหน้าเห่อและคันยิ่งกว่าเดิม แม้การอยู่ในบ้านจะช่วยลดการกระตุ้นบางอย่างได้ แต่จริงๆ แล้วไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ปัญหาผิวยังอาจเกิดขึ้นได้จากปัจจัยภายใน เช่น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ ซึ่งทำให้เกิดสิว ผิวแห้งลอก มีอาการคัน รวมถึงอาการแสบเมื่อมีเหงื่อออก หากพบว่ามีขุยหรือผื่นแดงขึ้นบนผิวหน้า ร่วมกับอาการคันและแสบเล็กน้อย นี่อาจเป็นสัญญาณของ “โรครังแคผิวหนัง” ที่ควรได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม
การใช้สเตียรอยด์ (Steroids) เป็นวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการแพ้ง่ายที่หลายๆ คนเลือกใช้ เพราะมีทั้งประโยชน์และข้อควรระวัง
รักษาผิวแพ้ง่าย ให้ถูกวิธี เลี่ยงการใช้สเตียรอยด์เกินจำเป็น
ประโยชน์
- ช่วยลด ผื่นแดง คัน และอาการอักเสบ ได้เร็วขึ้นในช่วง 3-5 วันแรก
- เหมาะกับคนที่มีอาการแพ้หนักๆ คันผิวมาก หรือรู้สึกไม่สบายผิว
- ใช้ต่อเนื่องนานเกินไป อาจเกิดการติดสเตียรอยด์
- หยุดใช้ทันที อาจเกิดอาการ สิวเห่อ เส้นเลือดฝอยชัดขึ้น ผิวบางลง ไวต่อแสง
- บางรายอาจเกิดการดื้อยา ทำให้ต้องใช้ยาที่แรงขึ้นเรื่อยๆ
อาการหน้าแพ้ง่าย แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม
- กลุ่มที่เป็นน้อย จะมีผื่นแดงเป็นปื้นๆ มีขุยเล็กน้อยขึ้นที่แก้มทั้งสองข้าง ลักษณะคล้ายผีเสื้อ ผื่นแดงบริเวณหัวคิ้ว
- กลุ่มที่เป็นปานกลาง จะมีผื่นแดงที่แก้ม 2 ข้าง หัวคิ้ว 2 ข้าง ผื่นบริเวณไรผม หลังใบหูเริ่มมีตุ่ม / ผดเล็กๆมักเป็นที่บริเวณแก้มทั้งสองข้างมีอาการคันและแดงขึ้น
- กลุ่มที่เป็นมาก มีผื่นที่หัว ไรผม หลังใบหู ทั้ง 2 ข้าง ผื่นบนหนังศีรษะ ผื่นที่แก้มทั้ง 2 ข้าง เป็นตุ่มนูน แดงและคัน แสบ สะเก็ดเป็นแผ่น และเป็นขุย
มีคำถามว่า ทำไมเมื่อเป็นผิวแพ้ระคายเคืองง่าย หรือผิวแห้ง แล้วผิวถึงมีขุย เพราะว่าผิวหนังเกิดการแห้งแตกแยกออกจากกัน ก็เกิดขุย การรักษาส่วนใหญ่คุณหมอจะบอกว่าเวลาล้างหน้าอย่างถนอมผิว อย่าขัดผิว อย่าถูผิว เวลาคันอย่าไปเกาเพราะว่ายิ่งขัดยิ่งเกา จะเหมือนกับเราลอกชั้นผิวหนังไปเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ผิวหน้าบางลง ก็จะยิ่งทำให้ผิวเกิดความอักเสบมากขึ้น
3 วิธีการรักษาผิวแพ้ง่าย ที่ BSL
BSL Clinic แนะนำวิธีการรักษาผิวแพ้ง่ายที่เป็นการรักษาทั้งจากภายในและภายนอก เป็นการกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ให้แข็งแรงขึ้นใน 3 ขั้นตอน
1. รักษาผิวแพ้ง่ายจากภายใน ลดการอักเสบของผิว
โปรแกรมฉายแสงลดการอักเสบของผิว ช่วยลดรอยแดง ลดอาการแสบและคัน เพื่อลดการระคายเคืองของผิว ด้วยเทคโนโลยี Infrared (IR) Program ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและส่งเสริมการทำงานของผิว ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น ลดการอักเสบและการระคายเคืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- Acne Light Laser Program ใช้แสงสีแดงในการรักษาสิว ลดเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว ให้สิวลดลง
Double Light Laser Program ใช้แสงสีเหลืองในการฟื้นบำรุงผิว ส่งเสริมให้ผิวชั้นนอกแข็งแรงขึ้น พร้อมช่วยกระตุ้นการทำงานของผิวหนัง เพื่อลดการระคายเคืองที่ผิว ทำให้ผิวแลดูสุขภาพดีขึ้น
2. กระตุ้นการสร้างผิวด้วยเลเซอร์
ด้วยเทคโนโลยี Non-ablative Laser Treatment ที่ส่งพลังงานแสงอย่างเหมาะสม ลงไปทำงานใต้ชั้นผิวหนังเพื่อกระตุ้นการทำงานของผิว เป็นการฟื้นฟูผิว มีผลต่อเนื้อเยื่อรอบข้างน้อย ช่วยฟื้นบำรุงผิวแพ้ง่ายให้แข็งแรงขึ้น กระบวนการนี้ใช้เวลาประมาณ 3 เดือน และช่วยเสริมให้การส่งผ่านสารบำรุงความชุ่มชื้น เช่น Moisturizing Factors และเซราไมด์ (Ceramides) เพื่อสร้างเกราะป้องกันผิว ลดโอกาสเกิดการระคายเคืองซ้ำ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


3. บำรุงรักษาผิวให้แข็งแรงขึ้น
การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีความอ่อนโยน เหมาะสำหรับการดูแลผิวบอบบางและแพ้ง่ายโดยเฉพาะ ผลิตภัณฑ์ที่ดีควรมีส่วนผสมที่ช่วยปลอบประโลมผิวและรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิว หลีกเลี่ยงสารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว เช่น พาราเบน น้ำหอม และแอลกอฮอล์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวเกิดการแพ้หรืออักเสบเพิ่มขึ้น การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมที่เหมาะสมจะช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้น ที่ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวจากการมลภาวะได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพื่อมาปกป้องผิว ฟื้นฟูสภาพผิว และเพิ่มความชุ่มชื่นแก่ผิวโดยตรง เสมือนเป็นโครงสร้างของผิว ซึ่งประกอบไปด้วย โปรตีน 40% น้ำ+สารประกอบ 40% และไขมัน 20% โดย BSL Clinic และ Skinesia ได้ร่วมวิจัยและค้นคว้าทำการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์จากสารประกอบที่ดีที่สุดที่เป็นจุดกำเนิดของผิวหนังเป็นการป้องกันการระคายเคืองและทำให้ผิวแข็งแรงในระยะยาว
ข้อควรรู้ก่อนการรักษาผิวแพ้ง่าย
หลายๆ คน เคยผ่านการใช้สเตียรอยด์ รักษาผิวแพ้ง่ายโดยอาการ คือ จะมีผื่นขึ้นหลังจากหยุดยาแทบทุกคน แล้วจะเกิดเป็นผื่นที่เป็นรอยปื้น เป็นจ้ำๆ เต็มหน้า มีรอยแดง เป็นขุยทั่วหน้า บางคนเข้ามารักษาไม่อยากให้สัมผัสผิวหน้าเลย เพราะรู้สึกว่าระคายเคืองที่ผิวอย่างมาก บางรายมีรอยแดงขึ้นทั้งสองข้างแก้มคล้ายปีกผีเสื้อ บางคนจะเป็นขุยแดงบริเวณที่คิ้ว หรือเป็นขุยที่บริเวณจมูก ถ้าพักผ่อนน้อย ทำงานหนัก ก็จะยิ่งเห่อขึ้นสิ่งที่ผู้ใช้บริการควรทำก่อนการรักษา คือ หยุดการใช้สเตียรอยด์ก่อนถึงจะทำการรักษาได้
แต่เมื่อมาฉายแสงเพื่อลดการอักเสบ มีกระตุ้นการฟื้นฟูผิวด้วยการทำเลเซอร์ หลังจากที่เข้ารักษาด้วยการทำเลเซอร์ผิวจะค่อยๆ ดีขึ้น แต่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไป ผิวแลดูสุขภาพดี รูขุมขนเล็กลง อาการระคายเคืองความแดง ความอักเสบของผิวลดลง สามารถแต่งหน้าและใช้ชีวิตได้ตามปกติ
รีวิวจากผู้ใช้บริการรักษาผิวแพ้ง่าย
"ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล"
คุณมะปราง กับอาการผิวแพ้ง่าย มีผดผื่นขึ้นเวลาออกแดด มีเหงื่อออกแล้วจะรู้สึกแสบผิวและคันหน้ายิบๆ “หลังทำการรักษาครั้งแรก รู้สึกว่าผิวดีขึ้น เหมือนผิวเก่าผลัดออกไป ผื่นคันที่หน้าก็ลดลง ทำให้หน้าใสขึ้นรูขุมขนกระชับขึ้น หน้าดูเรียบเนียนขึ้น พอทำไปเรื่อยๆ ปรางทำแค่ 4 ครั้งเอง ยิ่งทำยิ่งรู้สึกดี ความมันเริ่มลดลงแต่ไม่ได้ทำให้หน้าแห้งนะคะ การทำเลเซอร์ที่นี่ส่วนตัวรู้สึกว่าผิวดีขึ้น ด้วยการที่อ่านและหาข้อมูลมาด้วยส่วนหนึ่ง ทำให้ไม่กังวลกับการรักษาค่ะ”
“ส่วนตัวคิดว่าการตัดสินใจมารักษาที่นี่คุ้มค่ามาก ค่ารักษาไม่บานปลาย จบคอร์สแล้วรู้สึกว่าหน้าเราดีขึ้นมากรู้สึกโอเคมากเลยคะ จนเพื่อนๆ ที่ทำงานทักเลยว่า มะปรางหน้าดีขึ้นนะ ถามว่าไปรักษาที่ไหนมา รักษาแบบไหนอย่างไร เราก็บอกว่ารักษาด้วยเลเซอร์ ซึ่งการรักษาของที่นี่หลังทำแล้วสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติค่ะ”
รีวิวภาพผลการรักษา













"ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย"

"ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย"

"ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย"

"ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย"

"ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย"

"ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย"

"ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย"

"ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย"

"ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย"

"ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย"

"ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย"

"ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย"