สิวฮอร์โมน คืออะไร รักษาสิวขึ้นคางอย่างไร ให้หน้ากลับมาใสผิวแข็งแรง

สิวฮอร์โมน

หากคุณกำลังเจอกับปัญหาสิวเรื้อรัง สิวเก่ายังไม่ทันยุบดี พอใกล้ช่วงมีประจำเดือน สิวใหม่ก็ประทุขึ้นมาอีกไม่ว่าจะลองทายา เปลี่ยนสกินแคร์ หรือแม้กระทั่งกินยาตามคำแนะนำจากแพทย์แล้ว แต่สิวก็ยังขึ้นซ้ำที่เดิม บางครั้งกลายเป็นก้อนลึก เจ็บ และทิ้งรอยสิวไว้ทุกครั้ง นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังเผชิญกับ “สิวฮอร์โมน” ที่ต้องการการดูแลที่เหมาะสมมากกว่าสิวทั่วไป

เพราะสิวฮอร์โมน นั้นไม่ได้เกิดแค่ที่ผิวหนัง แต่สะท้อนถึงระบบฮอร์โมนที่ไม่สมดุลในร่างกาย และนั่นคือเหตุผลที่วิธีรักษาสิวทั่วไป อาจไม่ให้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพในระยะยาว BSL Clinic เราเข้าใจดีว่า สิวที่มีฮอร์โมนเข้ามาเกี่ยวข้องในแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน การรักษาจึงต้องเริ่มจากการวิเคราะห์ผิวและร่างกายของแต่ละคนอย่างเข้าใจ  ไม่ใช่แค่รักษาให้สิวลดลง…แต่คือการดูแลเพื่อให้ผิวกลับมาแข็งแรง และลดโอกาสเจอปัญหาสิวเดิมซ้ำ ๆ

สิวฮอร์โมน (Hormonal Acne) คืออะไร?

ฮอร์โมนแอนโดรเจนเพิ่มสูงขึ้น : กระตุ้นให้ sebaceous glands (ต่อมไขมัน) ผลิตไขมันมากกว่าปกติ
เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วสะสมในรูขุมขน : ร่วมกับน้ำมันที่ผลิตมากเกินไป ทำให้เกิดการ อุดตัน (comedone)
แบคทีเรีย Cutibacterium acnes (C. acnes) : เจริญเติบโตในสภาพรูขุมขนอุดตัน ส่งผลให้เกิด การอักเสบ จนกลายเป็นสิวอักเสบหรือสิวหัวช้าง

สิวฮอร์โมน คือ สิวชนิดหนึ่งที่เกิดจาก ความเปลี่ยนแปลงหรือความไม่สมดุลของระดับฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะฮอร์โมนในกลุ่ม แอนโดรเจน (Androgen) เช่น เทสโทสเตอโรน (Testosterone) ซึ่งมีบทบาทกระตุ้นให้ ต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตน้ำมัน (Sebum) ออกมามากกว่าปกติ เมื่อผิวหนังมีน้ำมันส่วนเกิน เคราติน (เซลล์ผิวที่ตายแล้ว) และแบคทีเรียบนผิวหนัง เช่น Cutibacterium acnes ทำงานร่วมกันก็จะเกิดการอุดตันของรูขุมขน และนำไปสู่การเกิด สิวอุดตัน สิวอักเสบ หรือสิวหัวช้างได้ในที่สุด¹

ที่ BSL Clinic เราพบว่ามีคนเป็นสิวจำนวนไม่น้อยมักเข้าใจว่าสิวฮอร์โมนเกิดเฉพาะในช่วงวัยรุ่น แต่ในความเป็นจริง สิวฮอร์โมนสามารถเกิดได้ในผู้ใหญ่ ส่วนใหญ่พบได้บ่อยในผู้หญิงจะเป็นมากกว่าผู้ชายจากงานวิจัยพบว่า 65% ของเพศหญิงจะมีสิวมากขึ้น ในช่วงมีประจำเดือน มีการตั้งครรภ์ หรือหลังคลอด ที่ยังมีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน² หรือเฉพาะในผู้หญิงวัยทำงาน ซึ่งฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปลงตามรอบเดือนหรือในช่วงที่มีภาวะผิดปกติ เช่น PCOS (Polycystic Ovary Syndrome)³

สาเหตุของสิวฮอร์โมน

สิวฮอร์โมนเกิดจากอะไร แล้วเราป้องกันได้ไหม? ความจริง คือ มีบางปัจจัยที่เราสามารถควบคุมได้ และบางอย่างที่ เกิดขึ้นตามธรรมชาติของร่างกาย การเข้าใจทั้งสองด้านจะช่วยให้คุณดูแลสิวฮอร์โมนได้อย่างเหมาะสม

สาเหตุของการเกิดสิวฮอร์โมน

ปัจจัยที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ (แต่เราเข้าใจและจัดการได้)

  • การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในผู้หญิง
  • ช่วงมีประจำเดือน / รอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
  • ขณะตั้งครรภ์
  • วัยใกล้หมดประจำเดือน
  • หลังหยุดยาคุมกำเนิด ความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย และอาจทำให้สิวฮอร์โมนแสดงออกมาชัดเจนขึ้นในบางช่วง
  • ผู้ชายที่ได้รับการบำบัดด้วยฮอร์โมนเพศชาย (Testosterone) ระดับเทสโทสเตอโรนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจกระตุ้นต่อมไขมันให้ทำงานมากขึ้น และส่งผลให้เกิดสิวตามมา
  • พันธุกรรม (Family History) ถ้ามีคนในครอบครัวมีประวัติสิวฮอร์โมนหรือผิวมันมาก ก็มีโอกาสสูงที่คุณจะมีแนวโน้มเช่นเดียวกัน
  • ภาวะอาการแทรกซ้อนบางอย่าง เช่น
    • PCOS (ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ)
    • ภาวะรังไข่ทำงานผิดปกติ
    • ภาวะเมตาบอลิซึมไม่สมดุล
    • ภาวะเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อฮอร์โมนเพศหญิง และอาจเป็นเบื้องหลังของสิวฮอร์โมนที่เรื้อรัง
    • ผลข้างเคียงของยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ (ทั้งแบบรับประทานและยาทา) ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อระบบฮอร์โมนและต่อมไขมันโดยตรง

ปัจจัยที่ อาจทำให้สิวฮอร์โมนแย่ลง (และเราช่วยคุณควบคุมได้)

  • ความเครียดสะสม
  • เมื่อเครียด ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลมากขึ้น ซึ่งมีผลกระทบต่อการอักเสบของผิวและต่อมไขมัน⁴
  • สภาพอากาศร้อนชื้น
  • ความชื้นและเหงื่อทำให้ผิวอุดตันง่ายขึ้น โดยเฉพาะในคนที่มีแนวโน้มเป็นสิวอยู่แล้ว
  • การบีบหรือแกะสิวเอง นอกจากจะไม่ช่วยให้หายเร็ว ยังเพิ่มโอกาสอักเสบ และทิ้งรอยแผลถาวรอีกด้วย
  • อาหารที่มีน้ำตาลสูง  (High GI) มีส่วนกระตุ้นให้เกิดสิวฮอร์โมนได้มากขึ้น⁵ หรือคาร์โบไฮเดรตแปรรูป เช่น ขนมหวาน เบเกอรี่ ข้าวขัดขาว เครื่องดื่มรสหวาน สิ่งเหล่านี้มีผลต่อระดับอินซูลิน ซึ่งอาจกระตุ้นการเกิดสิว

ลักษณะสิวฮอร์โมน ต่างจากสิวทั่วไปอย่างไร

หลายคนอาจสงสัยว่า “สิวที่เป็นอยู่ใช่สิวฮอร์โมนหรือเปล่า?” ที่ BSL Clinic เราเจอคำถามนี้บ่อยอยู่ค่ะ เพราะแม้ว่าสิวทุกชนิดจะดูคล้ายกันเมื่อมองจากภายนอก แต่ในฐานะหมอรักษาสิวเราพิจารณา “สาเหตุของการเกิดสิวของแต่ละคน” ก่อนเสมอ

สิวฮอร์โมน (Hormonal Acne) จะมีลักษณะเฉพาะบางอย่างที่แตกต่างจากสิวทั่วไปอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในแง่ของตำแหน่ง ความถี่ และระดับความรุนแรงของสิว

รักษาสิวฮอร์โมน
รักษาสิว

ลักษณะของสิวฮอร์โมน

  • ตำแหน่งที่พบบ่อย : สิวขึ้นคาง สิวที่กราม กรอบหน้า และลำคอ
  • ลักษณะของสิว : มักเป็นสิวอักเสบเม็ดลึก เจ็บ หรือมีลักษณะเป็นก้อน เป็นถุง (cyst) ที่กดไม่ออก และจะขึ้นที่เดิมซ้ำ ๆ
  • เกิดเป็นรอบ : มักเกิดก่อนประจำเดือน 1-2 สัปดาห์ และมักขึ้นซ้ำในบริเวณเดิม
  • ดื้อการรักษาทั่วไป : ใช้ยาทาแก้อักเสบทั่วไปอาจไม่ตอบสนอง ต้องใช้แนวทางการรักษาที่พิจารณาจาก ระบบฮอร์โมน ร่วมด้วย

สิวทั่วไป (Acne Vulgaris)

  • ตำแหน่งที่พบบ่อย: มักขึ้นที่หน้าผาก จมูก แก้ม และแผ่นหลัง
  • ลักษณะของสิว: เป็นได้ทั้งสิวหัวดำ สิวหัวขาว หรือสิวอักเสบเล็ก ๆ
  • เกิดไม่สม่ำเสมอ: ไม่มีความเชื่อมโยงกับรอบเดือนหรือฮอร์โมนที่ชัดเจน
  • ตอบสนองต่อยาทา: สิวประเภทนี้มักตอบสนองต่อการล้างหน้าที่เหมาะสมหรือยาทาเฉพาะที่

สิวฮอร์โมนมักขึ้นคาง กราม และลำคอ เป็นสิวอักเสบลึก เจ็บ และขึ้นซ้ำในตำแหน่งเดิม โดยเฉพาะก่อนมีประจำเดือน ต่างจากสิวทั่วไปที่ขึ้นหน้าผาก แก้ม จมูก ตอบสนองต่อยาทาได้ดี และไม่สัมพันธ์กับฮอร์โมน การรักษาสิวฮอร์โมนจึงต้องวิเคราะห์ระบบฮอร์โมนร่วมด้วยเพื่อช่วยวางแผนดูแลอย่างเหมาะสมในแต่ละบุคคล

สิวฮอร์โมนรักษาอย่างไร

รักษาสิวฮอร์โมน คุณหมอวิภาณี

การรักษาสิวฮอร์โมนที่มีประสิทธิภาพและลดโอกาสที่สิวจะกลับมาขึ้นซ้ำนั้น ต้องอาศัยการประเมินจากแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิวและสาเหตุเฉพาะบุคคล การรักษาที่ดีควรไม่เพียงแค่ลดสิวเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นในระยะยาวด้วย โดยทั่วไปแล้ว แนวทางการรักษาสิวฮอร์โมนจะมุ่งเน้นไปที่การลดการทำงานของต่อมไขมันที่ผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวฮอร์โมน และมักจะใช้การรักษาแบบผสมผสานกัน นี่คือแนวทางการรักษาสิวฮอร์โมนที่พบได้บ่อย

การปรับพฤติกรรมและการใช้ยาภายใต้คำแนะนำของแพทย์

รักษาสิว การปรับพฤติกรรมและการใช้ยาภายใต้คำแนะนำของแพทย์

การรับประทานยา

โดยแพทย์จะพิจารณาความเหมาะสมในการใช้ยา ซึ่งเป็นยากลุ่มที่ช่วย ลดความมันบนผิว เพื่อลดโอกาสการเกิดสิวอักเสบ ยาเหล่านี้อาจช่วยลดสิวได้ตั้งแต่ 50% ถึง 100% และมักจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นประมาณ 3 เดือนหลังการรักษา แหล่งข้อมูลเน้นย้ำว่าวิธีการรักษาสิวฮอร์โมนมีหลายวิธีที่ช่วยดูแลจากสาเหตุได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ยาคุมเสมอไป

การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะสม

เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ อ่อนโยนต่อผิว ปราศจากน้ำมัน (Oil-Free) และ ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-Comedogenic) ผลิตภัณฑ์ที่ดีควรมีคุณสมบัติในการช่วยอุ้มน้ำและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมบางชนิด เช่น สเตียรอยด์, ไฮโดรควิโนน, หรือสารปรอท เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคือง หรือสิวกลับมาเป็นซ้ำได้ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมจะช่วยลดการระคายเคืองและการอุดตันซ้ำของรูขุมขนได้

รักษาสิวฮอร์โมนโดยคุณหมอสิว

สิวฮอร์โมน เทคนิคเปิดหัวสิวด้วย CO2 Laser

การเคลียร์สิวอุดตันออกจากผิว เนื่องจากสิวฮอร์โมนที่คาง รอบปาก และกรอบหน้า มักเป็นสิวอักเสบร่วมกับสิวอุดตันลึก แพทย์อาจพิจารณาใช้เทคนิคที่ช่วยเปิดหัวสิวอุดตันก่อนการกดสิว เช่น CO2 Laser เพื่อให้กดสิวออกได้ง่ายขึ้น และลดการอักเสบของผิวที่อาจเกิดจากการกดสิว

Accure Laser เลเซอร์ 1726 nm

การใช้เทคโนโลยีเลเซอร์ที่มุ่งเป้าไปที่ต่อมไขมัน เช่น เลเซอร์ 1726 nm ที่ได้รับการออกแบบมาเพื่อส่งพลังงานลงลึกถึงระดับชั้นผิวที่ต่อมไขมันโดยเฉพาะ เพื่อช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันในบางราย ซึ่งจะส่งผลให้ผิวหน้ามีความมันน้อยลงและลดโอกาสการเกิดสิวอุดตันและสิวอักเสบซ้ำ โดยเฉพาะในผู้ที่มีสิวขึ้นซ้ำบริเวณคาง รอบปาก หรือกรอบหน้า

ฉายแสงรักษาสิวฮอร์โมน

การฉายแสงรักษาสิว โปรแกรมฉายแสงสามารถช่วยลดการอักเสบของผิวและสิว รวมถึงลดเชื้อแบคทีเรียสิว ได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับผู้ที่มีสิวอักเสบเรื้อรังหรือสิวดื้อยา การดูแลอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้สิวอักเสบยุบลงได้เร็วขึ้น ฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงขึ้น และทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นด้วย

สิวฮอร์โมนเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนในร่างกายไปกระตุ้นให้ต่อมไขมันเกิดการอักเสบ โดยเฉพาะช่วงก่อนมีประจำเดือน หรือช่วงหลังคลอดบุตร และมักขึ้นซ้ำบริเวณคาง รอบปาก และกรอบหน้า ในขณะที่สิวทั่วไปอาจเกิดจากการอุดตันของรูขุมขนหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ไม่เหมาะกับผิว สิวฮอร์โมนสามารถรักษาให้ดีขึ้นได้ด้วยการดูแลที่เหมาะสม ระยะเวลาการดูแลจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิวและการตอบสนองของแต่ละบุคคล โดยทั่วไปมักจะเริ่มเห็นผลใน 2 – 3 เดือน เมื่อได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง หากคุณกังวลเรื่องสิวฮอร์โมนที่เป็นซ้ำๆ การพบแพทย์เพื่อวิเคราะห์ปัญหาเฉพาะบุคคลคือจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดค่ะ

เลเซอร์สิว เครื่องไหนเหมาะกับสิวฮอร์โมน?

รักษาสิวฮอร์โมนด้วยเลเซอร์ 1726 nm คืออะไร

เลเซอร์รักษาสิวที่เข้าใจต่อมไขมันอย่างลึกซึ้ง BSL Clinic รักษาสิวที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนลงลึกไปยัง “ต่อมไขมันและฮอร์โมนในร่างกาย” โดยเฉพาะบริเวณสิวที่คาง สิวกรอบหน้า และแนวกราม ซึ่งไวต่อฮอร์โมนแอนโดรเจนที่ไปกระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันและการตุ้นต่อมไขมันให้เกิดการอักเสบ การดูแลสิวฮอร์โมนจึงต้องการมากกว่าการทายา กินยา แต่ต้องอาศัยการลดการทำงานของต่อมไขมันที่เป็นต้นตอของปัญหาสิวฮอร์โมน

นี่คือเหตุผลที่เลเซอร์ความยาวคลื่น 1726 nm กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดี ในการรักษาสิวฮอร์โมนอย่างเฉพาะเจาะจง

หลักการทำงานของ-Program-Accure-Laser

เลเซอร์ 1726 nm คืออะไร?

เลเซอร์ 1726 nm คือ เลเซอร์มีความยาวคลื่นเฉพาะเจาะจงที่ต่อมไขมันใต้ผิว มีคุณสมบัติพิเศษในการดูดซับ “ไขมัน” หรือ Sebum-rich glands โดยไม่รบกวนผิวหนังชั้นบน⁶

พลังงานเลเซอร์จะถูกส่งลงไปยังตำแหน่งที่มีความหนาแน่นของต่อมไขมันสูง ทำให้สามารถ ลดการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ต่อมไขมันฝ่อตัวลง ส่งผลให้การผลิตน้ำมันลดลงได้อย่างชัดเจน⁷ และลดโอกาสการอุดตันของรูขุมขนที่เป็นต้นเหตุของสิวอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ

accure-laser-รักษาสิว-ทำลายต่อมไขมัน

*ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย

*ใช้เป็นตัวอย่าง ผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย

BSL Clinic กับโปรแกรมรักษาสิวฮอร์โมน ที่ผสมผสานทั้งเลเซอร์ 1726 nm ยากินรักษาสิวฮอร์โมนที่ไม่ใช่ยาคุมกำเนิด และยาลดต่อมไขมัน โดยคุณหมอจะพิจารณาการสั่งจ่ายยาก็ต่อเมื่อมีสิวรุนแรง เป็นสิวอักเสบ ลักษณะสิวเป็นถุง (cyst) ใต้ผิวที่กดไม่ออก และจะขึ้นที่เดิมซ้ำๆ

รักษาสิวขึ้นคางซ้ำๆ ที่ไหนดี?

รีวิวรักษาสิวอักเสบ สิวอุดตัน สิวขึ้นคางซ้ำ ที่ BSL Clinic ให้สิวบริเวณส่วนล่างของใบหน้าลดลง จะเห็นได้ว่าไม่เพียงแค่สิวหัวหนอง สิวอักเสบ สิวอุดตัน ที่ลดลง แต่รอยแดงสิว รอยดำสิวก็จางลงด้วย ผิวหน้าโดยรวมดูกระจ่างใสขึ้นด้วย

โปรแกรมรักษาสิว *ใช้เป็นตัวอย่างผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสำหรับผู้ป่วยเฉพาะราย

การปรับพฤติกรรม ที่ช่วยลดสิวฮอร์โมน

1. จัดการความเครียด

ลดสิวฮอร์โมน เลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวที่เป็นสิวง่าย

หลายครั้งสิวฮอร์โมนกำเริบเพราะ “ความเครียดสะสม” โดยที่เราไม่รู้ตัว ความเครียดมีผลต่อการหลั่งฮอร์โมนในร่างกาย เช่น คอร์ติซอล ซึ่งไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้สิวเกิดง่ายขึ้น

2. นอนหลับให้เพียงพอและมีคุณภาพ

ลดสิวฮอร์โมน นอนหลับให้เพียงพอและมีคุณภาพ

การพักผ่อนไม่เพียงพอจะไปรบกวนระบบฮอร์โมนและกระตุ้นให้ผิวอักเสบได้ง่ายขึ้น การนอนหลับอย่างน้อย 7–8 ชั่วโมงต่อคืน จะช่วยให้ผิวมีเวลาซ่อมแซมตัวเอง และช่วยให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายทำงานอย่างสมดุลมากขึ้น

3. ปรับการกินเพื่อสมดุลผิว

ลดสิวฮอร์โมน ปรับการกินเพื่อสมดุลผิว

อาหารบางประเภท โดยเฉพาะ “น้ำตาลสูง” และ “คาร์โบไฮเดรตขัดขาว” อาจกระตุ้นสิวฮอร์โมนให้แย่ลงได้ การเลือกอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ (Low GI) เช่น ข้าวกล้อง ผักใบเขียว ไขมันดี และโปรตีนคุณภาพ จะช่วยให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายคงที่มากขึ้น

4. เลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวที่เป็นสิวง่าย

ลดสิวฮอร์โมน เลือกผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวที่เป็นสิวง่าย

การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ “ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-Comedogenic)” และ “ปราศจากน้ำมัน (Oil-Free)” เป็นพื้นฐานของการดูแลผิวทุกวัน เพราะหากใช้ผลิตภัณฑ์ผิด อาจกลายเป็นการเติมเชื้อเพลิงให้สิวโดยไม่รู้ตัว

5. หลีกเลี่ยงการบีบสิว แกะสิว หรือกดเองที่บ้าน

ลดสิวฮอร์โมนด้วยการหลีกเลี่ยงการบีบสิว แกะสิว

แม้จะรู้สึกว่าทำให้สิวหายเร็ว แต่การกดสิวเองหรือแกะสิวโดยไม่มีเทคนิคที่เหมาะสม อาจทำให้สิวอักเสบรุนแรงขึ้น ทิ้งรอยดำ หรือแม้แต่รอยแผลเป็นถาวร

คำถามที่พบบ่อย

เพราะอะไรสิวถึงชอบขึ้นที่คาง กับรอบปากซ้ำๆ ?

เพราะบริเวณนี้มีตัวรับฮอร์โมนแอนโดรเจนเยอะเป็นพิเศษ และมีการสะสมของต่อมไขมันร่วมด้วย จึงไวต่อการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน เช่น ก่อนมีประจำเดือน หรือเวลานอนน้อย เครียด

เป็นสิวฮอร์โมน ต้องกินยาคุมไหมถึงจะหาย?

การกินยาคุมเพื่อการดูแลสิวฮอร์โมน ไม่จำเป็นเสมอไป

การใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อรักษาสิวฮอร์โมน เป็นเพียง “หนึ่งในทางเลือก” ที่อาจใช้ได้ในบางกรณีเท่านั้น โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีปัญหาสิวร่วมกับรอบเดือนผิดปกติ มีภาวะ PCOS (ถุงน้ำรังไข่หลายใบ) หรือมีฮอร์โมนเพศชาย (แอนโดรเจน) สูงกว่าปกติ ซึ่งต้องได้รับการวินิจฉัยของแพทย์เท่านั้น

แต่ในผู้หญิงบางคน ยาคุมอาจไม่ใช่คำตอบเพราะการใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เช่น

  • ประวัติสุขภาพโดยรวม เช่น การแข็งตัวของเลือด ความดัน หรือความเสี่ยงด้านหลอดเลือด
  • ความพร้อมในการใช้ยาระยะยาว
  • ความต้องการวางแผนครอบครัว
สิวฮอร์โมนทิ้งรอยแดงสิว รอยดำสิว ทำยังไงให้รอยหายไว?

ถ้าอักเสบมากและปล่อยไว้ อาจทิ้งรอยแดง รอยดำได้ คำแนะนำที่ดี คือ การรักษาสิวตั้งแต่ที่เพิ่งเริ่มเป็นสิวระดับเล็กน้อย เพื่อป้องกันไม่สิวอักเสบลุกลาม ป้องกันรอยสิว และหลุมสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากมีรอยสิวแล้ว อาจพิจารณาการใช้เลเซอร์ที่ช่วยลดรอยสิวให้จางลงได้เร็วขึ้น เช่น Q-switch, PicoWay Program หรือ Revlite Program

สรุป

BSL Clinic เราให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์สาเหตุของการเกิดสิว และวางแผนการรักษา “วิธีการรักษาผสมผสาน” ให้ครอบคลุมกับสาเหตุของการเกิดสิวในผิวของแต่ละคนอย่างเข้าใจ เพราะสิวฮอร์โมนมีความละเอียดอ่อนมากกว่าสิวทั่วไป การรักษาจึงต้องอาศัยความเข้าใจของแพทย์ และความร่วมมือในการดูแลผิวของผู้ใช้บริการควบคู่ จึงสามารถควบคุมสิวฮอร์โมนได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องใช้ยาคุม

❝ การรักษาที่ดี ไม่ใช่การใช้ทุกอย่าง แต่คือการเลือกสิ่งที่เหมาะกับร่างกายของคุณอย่างเข้าใจ ❞

โดยพญ. วิภาณี อัครภูษิต เลขว. 39676 (WIPANEE AKARAPUSIT, MD)
แพทย์ประจำ BSL Clinic

1. Thiboutot D, Gollnick H, Bettoli V, et al. New insights into the management of acne: an update from the Global Alliance to Improve Outcomes in Acne. J Am Acad Dermatol. 2009;60(5 Suppl):S1–S50.
2. Collier CN, Harper JC, Cantrell WC, Wang W, Foster KW, Elewski BE. The prevalence of acne in adults 20 years and older. J Am Acad Dermatol. 2008;58(1):56–59.
3. Azziz R, Carmina E, Chen Z, et al. Polycystic ovary syndrome. Nat Rev Dis Primers. 2016;2:16057.
4. Zouboulis CC, Böhm M. Neuroendocrine regulation of sebocytes — a pathogenetic link between stress and acne. Exp Dermatol. 2004;13 Suppl 4:31–35.
5. Smith RN, Mann NJ, Braue A, Makelainen H, Varigos GA. A low-glycemic-load diet improves symptoms in acne vulgaris patients: a randomized controlled trial. Am J Clin Nutr. 2007;86(1):107–115.
6. Eadie E, Maher L, Collier EK, et al. Selective photothermolysis of sebaceous glands using a 1726-nm laser. Lasers Surg Med. 2011;43(2):92–98.
7. Sakamoto FH, Lopes JD, Anderson RR. Sebaceous gland-selective photothermolysis using a 1726 nm wavelength laser: a potential treatment modality for acne vulgaris. Lasers Surg Med. 2012;44(3):175–183.
8. Lucky AW, Koltun W, Maloney JM, et al. Combined oral contraceptive pills for the treatment of acne: a review of clinical studies. J Am Acad Dermatol. 2008;58(3):501–505.


icon email