![](https://bslclinic.co.th/wp-content/uploads/2022/04/01-15-04-2022.jpg)
สิวที่หลัง ทำผิวพังแถมสร้างความกังวลใจ รักษาสิวที่หลังง่ายๆ ไม่ใช่เรื่องยาก ความคืนความมั่น ให้คุณกลับมาใส่เสื้อโชว์หลังได้แบบไม่ต้องปกปิด หากคุณประสบปัญหาสิวที่หลังอยู่ แล้วไม่รู้จะมีวิธีการแก้ หรือจะรักษาให้สิวหายได้อย่างไร บทความนี้จะช่วยคุณแก้ปัญหาสิวได้หลังเองค่ะ
- สาเหตุของการเกิดสิวขึ้นที่หลัง
- สิวที่หลังแบบไหนเหมาะกับการรักษาด้วยตัวเอง
- ยาตัวไหนที่สามารถซื้อมาทาสิวที่หลังได้ด้วยตัวเอง
- 7 วิธีรักษา สิวที่หลัง แบบฉบับหมอผิวหนังแนะนำ
สาเหตุของการเกิดสิวขึ้นที่หลัง
![](https://bslclinic.co.th/wp-content/uploads/2022/04/02-15-04-2022.jpg)
สาเหตุของการเกิดสิวที่หลัง ก็เหมือนกับการเกิดสิวที่ผิวหน้า โดยเริ่มจาก ต่อมไขมันใต้ผิวหนังที่คอยผลิตน้ำมันหรือที่เราเรียกว่า ซีบัม (Sebum) ออกมา คอยทำหน้าที่สร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังของคุณ โดยที่ผิวหนังชั้นหนังกำพร้าที่ปกติต้องมีการผลัดเซลล์หนังทุกๆ 28 วัน แต่เมื่อเซลล์ผิวหนังไปอุดตันรูขุมขนที่อยู่ด้านบน ก็ส่งผลให้รูขุมขนใต้ผิวเกิดการอุดตัน ไม่ทันไรผิวของคุณก็จะมีตุ่มสิวเม็ดเล็กๆ ร่วมกับอาการแดง บวมหรือถ้าหนักไปกว่านั้น จะเกิดเป็นสิวอักเสบที่ติดเชื้อแบคทีเรีย C.acnes เป็นหนองเกิดขึ้น นอกจากนี้สิวที่หลัง ยังเกิดได้จากปัจจัยอื่นๆ เป็นสาเหตุร่วมอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น ปัจจัยภายใน พันธุกรรม ฮอร์โมน ภาวะเครียด ปัจจัยภายนอก อาหารการกิน เหงื่อความอบชื้นของแผ่นหลัง หรือยาบางชนิด มีผลข้างเคียงทำให้เกิดสิวได้
สิวที่หลังแบบไหนเหมาะกับการรักษาด้วยตัวเอง
![](https://bslclinic.co.th/wp-content/uploads/2022/04/03-15-04-2022.jpg)
สิวที่หลังที่เหมาะกับการรักษาด้วยตัวเองที่บ้าน ควรเป็นสิวในระดับที่เล็กน้อย ที่ส่วนมากจะเป็นสิวอุดตัน มีหัวสิวไม่อักเสบ หรือมีสิวอักเสบ ที่เป็นตุ่มแดง ตุ่มหนอง ไม่เกิน 10 จุด และไม่มีสิวที่เป็นก้อนสีแดงภายในมีหนองปนเลือด โดยรวมต้องเป็นสิวที่มีอาการเจ็บหรือปวด แบบนี้ถือว่า เป็นสิวเล็กน้อยเหมาะกับการดูแลรักษา สิวด้วยตัวเอง
ยาตัวไหนที่สามารถซื้อมาทาสิวที่หลังได้ด้วยตัวเอง
![](https://bslclinic.co.th/wp-content/uploads/2022/04/04-15-04-2022.jpg)
ปัญหาสิวขึ้นที่หลัง สามารถรักษาด้วยตัวเองในเบื้องต้น เพื่อลดการแพร่กระจายของสิวได้โดยการทำความสะอาดบริเวณที่เป็นสิวอย่างอ่อนโยน ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ เช่น เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ เรตินอยด์ รวมถึงไม่ควรแกะหรือบีบสิวเพราะอาจทำให้ดการติดเชื้อได้ง่าย ปัญหาสิวอาจลุกลามรุนแรงขึ้น รวมถึงมีโอกาสที่จะเกิดปัญหารอยแผลเป็นหลุมสิว รอยดำ รอยแดง ไว้ที่บนผิวหนังของคุณอีกด้วย เรามาดูกันดีกว่า ยาแต่ละชนิดที่หากคุณซื้อมารักษาสิวที่หลังด้วยตัวเอง มีคุณสมบัติอะไรที่ช่วยแก้ปัญหาสิว
Benzoyl peroxide (เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์) เป็นยาทาสำหรับรักษาแก้ปัญหาสิว ที่ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว ใช้เป็นประจำทุกวันจะช่วยควบคุมการเกิดสิวและลดความรุนแรงของสิวได้ และช่วยทำให้ผิวแห้ง เหมาะว่าหากผิวแห้งให้ใช้ที่ความเข้มข้น 2.5% หากผิวมันให้ใช้ที่ความเข้มข้น 5% จากการศึกษาพบว่าเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ทำงานได้ดีที่สุด หากปล่อยทิ้งไว้ที่ด้านหลังเป็นเวลา 2-5 นาที ให้ตัวยาซึมซาบเข้าสู่ผิวของคุณก่อน แล้วค่อยล้างออก
Retinoid (เรตินอยด์) เป็นยาทากลุ่มวิตามินเอ ออกฤทธิ์ครอบคลุมหลายกระบวนการเกิดสิว ตัวยาจะซึมลงไปสู่รูขุมขัน ทำให้เซลล์ผิวหนังในรูขุมขนหลวมตัว สิวอุดตันจึงหลุดออกมาง่ายขึ้น นอกนากนั้นยังทำให้เซลล์ผิวหนังแบ่งตัวเร็วขึ้น สิ่งที่คั่งค้างอุดตันในรูขุมขนจึงหลุดออกมาเร็ว และยังมีช่วยต้านการอักเสบได้อีกด้วย เมื่อใช้คู่กันจะช่วยให้เบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ทำงานได้ดีขึ้น
7 วิธีรักษาสิวที่หลัง แบบฉบับหมอผิวหนังแนะนำ
![](https://bslclinic.co.th/wp-content/uploads/2022/04/05-15-04-2022.jpg)
การดูแลรักษา สิวที่หลังนั้นไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่คุณใส่ใจและหมั่นสังเกตตัวเอง ว่ามีพฤติกรรมแบบไหนที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสิวขึ้นที่หลัง สิวขึ้นน้อยๆ ควรรีบรักษาเพราะจะง่ายกว่าการปล่อยให้สิวลุกลามขึ้นเยอะ หรือเกิดการอักเสบติดเชื้อ เพราะนั่นอาจส่งผลเสียต่อผิวทำให้เกิดเป็นรอยแดงสิว รอยดำสิว เกิดเป็นแผลเป็นหลุมสิว ที่ยากต่อการรักษาได้นะ
1. รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อหลังมีเหงื่อออก
เหงื่อที่ออก เป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียได้ เมื่อมีเหงื่อออกมากๆ เช่นหลังการออกกำลังกาย ควรอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เร็วที่สุด หรือกิจกรรมอะไรก็ตามที่ทำให้เหงื่อออกเยอะๆ เพราะเหงื่อที่สะสมอยู่ในเสื้ออาจเป็นสาเหตุของการเกิดสิว ซักชุดออกกำลังกายหลังใช้งานทุกครั้ง หรือแม้กระทั่งสวมชุดออกกำลังกายหลวม ๆ ที่ทำจากผ้าฝ้ายหรือผ้าซับเหงื่อ
2. ทำความสะอาดผิวอย่างอ่อนโยน
คุณอาจคิดว่าการขัดถูหลัง อาจช่วยทำให้สิวหลุดออกได้เร็วขึ้น แต่การขัดถูผิวแรงๆ นั้นเป็นการรบกวนผิว ซึ่งทำให้ผิวเกิดการเสียดสีและทำให้ผิวเกิดการอักเสบได้ง่ายขึ้น เวลาที่คุณอาบน้ำจึงไม่ควรขัดถูผิวอย่างรุนแรง แต่ควรลูบไล้ผิวที่หลังอย่างเบามือเพื่อเป็นการถนอมผิวคุณ และไม่ทำให้สิวอักเสบมากขึ้น
3. งดใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่รุนแรง
เช่น สบู่ที่เคลมว่าต้านเชื้อแบคทีเรีย ยาสมานแผล และสครับขัดผิว เพราะจะทำให้สิวแย่ลงได้ หรือแม้แต่ ใยบวบขัดผิว แปรงขัดหลัง ก็มีทำให้ผิวและสิวของคุณอักเสบได้ แนะนำให้คุณใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่อ่อนโยนและปราศจากน้ำหอมจะดีกว่า
4. ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและเครื่องสำอางที่ปราศจากน้ำมัน
เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมัน (oil-free) หรือผลิตภัณฑ์ประเภท Non – Comedogenic ที่หมายถึงผลิตภัณฑ์ชนิดนั้นไม่มีส่วนผสมที่ทำให้เกิดภาวะรูขุมขนอุดตันได้ ช่วยไม่ให้ผิวเกิดการระคายเคือง ส่วนนี้จึงช่วยลดการอุดตันที่เป็นสาเหตุของสิวได้เป็นอย่างดี
5. หลีกเลี่ยงการสะพายกระเป๋าเป้
ในช่วงที่ผิวด้านหลังเป็นสิวรุนแรง แนะนำให้คุณหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของที่เสียดสีกับผิวหลังเพราะจทำให้ทำให้ผิวของคุณระคายเคืองและเจ็บจากสิวง่ายขึ้นหรือไปกระทบหลัง เช่นการสะพายกระเป๋าเป้ เปลี่ยนมาใช้เป็นกระเป๋าถือแทน เป็นต้น
6. ปกป้องผิวจากแสงแดด
แสงแดดอาจทำให้อาการของสิวแย่ลง เพราะรังสียูวีจะทำให้สิวดำคล้ำและเกราะปกป้องผิวเสื่อมสภาพลง หากจำเป็นต้องไปเผชิญกับแสงแดด การทาครีมกันแดดที่ปราศจากน้ำมันเสมอก็สามารถปกป้องผิวคุณจากมลภาวะ และไม่ทำให้สิวรุนแรงขึ้น แต่ต้องทำความสะอาดผิวแผ่นหลังให้ดี อย่าให้เกิดการอุดตัน
7. เข้าคลินิกรักษา สิวที่หลังกับแพทย์ผิวหนัง
![](https://bslclinic.co.th/wp-content/uploads/2022/04/06-15-04-2022.jpg)
วิธีนี้จะยิ่งทำให้คุณรู้สึกอุ่นใจ เพราะเป็นการได้ฝากปัญหาสิวที่หลัง ให้อยู่ในการดูแลรักษาของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยเฉพาะ ข้อดีของการรักษาสิวที่หลังกับแพทย์ คือ คุณจะได้รับการรักษาที่ตรงสาเหตุ ตรงจุด มีขั้นตอนและวิธีการรักษาที่ปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็น การกินยา ทายา การทำเลเซอร์ทรีทเมนต์ ที่จะช่วยให้สิวและรอยสิวที่หลังของคุณหายได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญ อยู่ในการดูแลของทีมแพทย์ก็ต้องมีความปลอดภัยต่อผิวและสุขภาพของคุณอยู่แล้ว คุณจึงไม่ต้องกังวลกับปัญหาสิวที่หลังอีกต่อไป
สิวที่หลังถึงแม้จะเป็นบริเวณที่ลับตา ไม่มีใครเห็น แต่สำหรับคนที่มีปัญหาสิวขึ้นที่หลัง ก็สร้างความมั่นใจได้ ถ้าอยากให้สิวที่หลังหาย ควรรีบรักษาตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นสิวระดับเล็กน้อยเพื่อไม่ให้อาการของสิวรุนแรงขึ้นจะดีที่สุด
สิวหายได้แค่ 90 วัน หลังหยุดรักษา สิวไม่กลับมาเห่อขึ้นอีก
กดดูข้อมูลฟรี https://bslclinic.co.th/acne-treatment/
ปรึกษาปัญหาสิวกับผู้เชี่ยวชาญ
Line ID : @bslclinic **มี @ ข้างหน้า**
Line : https://line.me/ti/p/@bslclinic
Tel : 02-235-8858, 098-289-7805